โฆษณา

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

พัฒนาการเดือนที่ 10 เป็นตัวของตัวเอง

เด็กอายุ 10 เดือนนี้ จะยังคงมีขั้นตอนการพัฒนาการในด้านต่างๆ ไม่เท่ากันทีเดียว บางคนอาจจะสามารถเกาะยืน ตั้งไข่และเริ่มเดินได้ 1-2 ก้าว ขณะที่อีกคนยังเอาแต่คลาน แต่สามารถทำท่าทาง และส่ง ภาษา ได้ดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามเด็กทุกคนควรจะนั่งด้วยตนเองได้ อาจจะชอบที่จะเล่นกับคนรอบข้าง แต่บางครั้งก็อาจจะเอาแต่คุณแม่หรือพี่เลี้ยงเท่านั้น ซึ่งความเหลื่อมล้ำกันนี้ไม่ได้เป็นเหตุให้คุณต้องกังวลใจ เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่ลูกพร้อมเขาก็จะสามารถเปลี่ยนจากการคลาน มาเป็นเดินได้เร็วไม่แพ้เด็กคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะเริ่มช้ากว่าอีกคนหนึ่งก็ตาม

ช่วงนี้เด็กจะชอบนั่งเล่นรื้อของ ใช้มือทั้งสองทำโน่นทำนี่ เมื่อเขาเมื่อยหรือเบื่อก็จะสามารถล้มตัวลงนอนได้เอง และสามารถลุกขึ้นมานั่งได้เองอย่างรวดเร็วเมื่อต้องการ เขาจะชอบที่จะปีนป่ายถ้ามีโอกาส และเริ่มอยู่ในท่ายืนบ้างแต่ก็ยังไม่สามารถทรงตัวได้ดีนัก บางคนจะเกาะเดินไปรอบๆ โซฟาได้ไกลพอควร เด็กๆ จะพยายามฝึกฝนตนเอง ทำให้บางครั้งคุณจะพบว่า ลูกดูเหมือนตื่นขึ้นมากลางดึก แต่แทนที่จะนอนเล่นกลับพบว่าเขาเกาะยืนขึ้นมาในเตียง เรียนรู้ว่าการเขย่าขอบเตียงทำให้เกิดเสียง และจะสามารถ เรียกความสนใจจากคุณได้โดยไม่ต้องร้องไห้ ลูกจะนอนหลับได้ยาวนานขึ้นในตอนกลางคืน และจะมีเวลานอนกลางวันน้อยลง บางครั้งเมื่อง่วงเด็กจะมีอาการโยเยมากขึ้น ดิ้นไปมานานพอควรกว่าจะหลับได้ คุณควรให้เวลากับเขาในช่วงที่เขาเริ่มง่วง การกล่อม การโอบกอดจะช่วยให้เขาหลับได้ง่ายขึ้น

ลูกจะชอบเล่น ซ่อนหา ซึ่งเป็นการต่อเนื่องมาจากการเล่น จ๊ะเอ๋ โดยคราวนี้เขาจะชอบเอาผ้ามาปิดหน้าเขา และคอยให้คนอื่นมาเปิดและทำท่าทักทายเขา ถ้าเขาเริ่มเอาผ้ามาปิดหน้าเขา แต่ไม่มีใครมาเปิดผ้าเล่นกับเขา เขาจะส่งเสียงเรียกให้คุณมาหา เด็กในวัยนี้คิดว่า ถ้าเขามองไม่เห็นคุณ คุณก็จะมองไม่เห็นเขาเช่นกัน

ลูกจะชอบที่จะอ่านหนังสือ หรือดูรูปภาพ โดยเฉพาะเมื่อคุณอ่านให้เขาฟัง แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจในทุกคำพูดของคุณ แต่เขาจะเริ่มเข้าใจในโทนเสียงและท่าทาง หรือภาพประกอบที่เขาได้เห็น ควรให้โอกาสเขาได้ อ่าน แต่ละหน้าหนังสือตามที่เขาต้องการ และไม่จำเป็นต้องพยายามอ่านให้จบเล่มในเวลาที่กำหนด ลูกจะพูดคำบางคำง่ายๆ ได้ เช่น บ๊าย-บาย บูม (เวลานั่งลงก้นกระแทกพื้น และทำหน้าตลก) และจะเข้าใจคำต่างๆ ที่คุณพูดกับเขาได้มากขึ้นอีก เมื่อคุณถามว่า แม่อยู่ไหน เขาจะชี้ได้ คนไหนคุณตา เขาก็จะชี้ได้ถูกต้อง การระวังเรื่องอุบัติเหตุต่างๆ ก็ยังต้องเข้มงวด ขอให้ผู้ใหญ่ช่วยกันดูให้บริเวณที่เด็กอยู่นั้นปลอดภัยสำหรับเขา ประตูห้องน้ำควรจะปิดให้เรียบร้อย เพราะเด็กจะชอบเข้าไปเล่นในห้องน้ำ ซึ่งอาจจะมีอันตรายจากการจมน้ำ (แม้จะไม่ลึกเลย) หรือเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาเล่นจนมีอันตรายได้

แม้ว่าลูกอาจจะทำท่าชะงักหรือหยุด เมื่อได้ยินคุณพูดว่า อย่า หรือ ไม่เอา หรือแม้แต่ทำเสียงเลียนคุณว่า ไม่ และอาจจะส่ายหน้าด้วย (ใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าเขาจะรู้จักคำว่า ใช่ และรู้จักพยักหน้า) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจ และยอมหยุดการกระทำนั้นๆ เนื่องจากเด็กยังไม่สามารถควบคุมตนเอง (Self-control) ได้ดีนัก และยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุมตนเองได้
ดังนั้นความใจเย็นของคุณต้องเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกว่า การที่เขาไม่ฟังเรานั้น ไม่ใช่เพราะว่าเขาดื้อหรือต้องการเอาชนะเรา แต่เป็นเพราะเขายังไม่สามารถควบคุมสิ่งเร้าที่เกิดขึ้น ทำให้เขาอยากทำสิ่งนั้นๆ ที่อยู่ต่อหน้า แม้ว่าคุณจะห้ามเขาแล้วก็ตาม คุณต้องสอนเขาให้รู้จักการควบคุมตนเอง และมีความปลอดภัยเมื่อลูกอยู่ในเหตุการณ์ หรือภาวะที่อาจเกิดอันตรายต่างๆ

ทางที่ดีควรหาทางป้องกัน ไม่ให้ลูกอยู่ใกล้สิ่งของที่เป็นอันตราย หรือเก็บให้พ้นมือเด็กจะดีกว่า ในบางครั้งจะดูเหมือนลูกเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ถ้าเขาไม่ชอบให้อุ้ม ก็จะดิ้นทำตัวอ่อนลื่นไหล หลุดจากอ้อมกอดของคุณได้โดยง่าย หรือถ้าเขาอยากจะได้อะไรก็จะพยายามเอาจนได้ ทำให้ดูเหมือนดื้อและอาละวาด ถ้าไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับคุณว่าจะมีการตอบสนองกับเขาอย่างไร ฉะนั้นคุณต้องมามองว่าการร้องดิ้นมากนั้นเกิดจากอะไร และเราจะหาทางหลีกเลี่ยง หรือป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำบ่อย หรือถ้าพบว่าเป็นเพียงเพราะเขาหิวหรือกำลังง่วง เมื่อให้นมและกล่อมนอนก็จะดีขึ้นเอง