โฆษณา

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

พัฒนาการเดือนที่ 11 หนูทำได้นะ

ขณะนี้ลูกจะเริ่มเกาะยืนและไต่เดินตามขอบโซฟาได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น และในบางครั้งเขาจะปล่อยมือและเดินเองได้ 2-3 ก้าว แต่อาจจะไม่มั่นใจก้าวต่อไปจึงหยุด เด็กจะชอบการปีนบันไดมาก เขาจะพยายามปีนขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะถอยลงบันไดอย่างไร คุณต้องดูแลใกล้ชิด อย่าปล่อยลูกไว้ใกล้บันไดตามลำพังเป็นอันขาด

ช่วงนี้ลูกจะมีโอกาสหกล้มหรือเดินกระแทกอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรุนแรงนัก เด็กบางคนจะอดทน ไม่ร้องไห้ง่ายๆ และคุณควรให้โอกาสเขาได้ลุกขึ้นเอง และตอบสนองกับเขาในเชิงบวก เช่น ลูกดูซิ ชนถูกตรงนี้อีกแล้ว คราวหน้าระวังนะ หรือ ไม่เป็นไรลูก ลุกขึ้นมา จะดีกว่า โอ๋ โอ๋ เจ็บมากไหมลูก ใครมาแกล้งทำให้ลูกเจ็บ เดี๋ยวจะไปตีให้ร้องเลย เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ว่า อุบัติเหตุที่ทำให้เขาเจ็บตัวนั้นเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ทันระวัง คราวหน้าถ้าเขาระวังก็จะไม่เจ็บตัวอีก จะดีกว่าการสอนให้เขาเข้าใจว่าการที่เขาเจ็บตัวนั้น เป็นเพราะมีคนแกล้งและจะต้องทำร้ายกลับเพื่อแก้แค้นที่มาทำให้ลูกเจ็บ

คุณพ่อคุณแม่หลายคนจะตื่นเต้นที่ลูกเริ่มหัดเดิน จะคอยกังวลว่า ลูกเดินเป๋ เดินเท้าปัดๆ ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการเดินของเด็กเล็กที่ยังไม่คล่องนักเท่านั้น โดยจะเห็นว่าลูกจะเดินขากางๆ และปลายเท้าแบะออกเพื่อการทรงตัว ทำให้หลายคนไปวิ่งหาซื้อหรือตัดรองเท้าดัดขาใส่กัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้รองเท้าพิเศษนี้ เพราะเมื่อลูกเดินได้คล่องขึ้นท่าทางเดินขากางๆ หรือเท้าแบะเล็กน้อยนี้ก็จะหายเองเป็นปกติเมื่อโตขึ้น และที่จริงแล้วเมื่ออยู่ในบ้านที่พื้นสะอาดดีเด็กควรจะเดินเท้าเปล่า เพื่อที่จะได้หัดการทรงตัว และฝึกกล้ามเนื้อของขาและเท้าได้ดีขึ้น แต่ให้ระวังพื้นที่จะลื่นมากๆ เช่น พื้นหินอ่อน พื้นไม้ปาเก้ขัดมัน หรือพื้นที่เปียกลื่นที่จะทำให้เด็กหกล้มศีรษะกระแทกเป็นอันตรายได้

การใช้งานของมือ นิ้ว และการประสานงานระหว่างมือและสายตา เป็นการสั่งงานของสมองที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้มีการใช้กล้ามเนื้อทั้งมัดใหญ่และมัดเล็กทำงานสอดคล้องกันมากขึ้น เด็กยังสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรงและผิวสัมผัสของสิ่งของต่างๆ ที่เขาสามารถจะคว้ามา ทำการสำรวจ ได้ เขาจะเริ่มแยกแยะของต่างๆ คำนวณสิ่งของชิ้นเล็กจะสามารถใส่เข้าไปในของชิ้นใหญ่ได้ ขณะที่ของชิ้นใหญ่จะไม่สามารถใส่เข้าไปในของชิ้นเล็กได้ คุณพ่อคุณแม่หลายคนจะตื่นเต้นที่ลูกชอบอ่านหนังสือ ทำให้เกิดความคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นให้เด็กเรียนเร็ว โดยการพยายามใช้บัตรตัวอักษรมาสอนเด็กซ้ำๆ เพื่อให้เด็กจำได้ แต่อายุเพียงเท่านี้เด็กยังพร้อมที่จะเรียนรู้ ควรให้เด็กเกิดขบวนการเรียนรู้ตามธรรมชาติดีกว่า

สติปัญญาของลูกสามารถเรียนรู้ระยะและขนาด (Perspective) พร้อมเลียนเสียงผู้ใหญ่แบบนกแก้วฝึกพูดมากกว่าจะเข้าใจในความหมายของคำทั้งหมดที่พูดออกมา ลูกจะรู้จักคำต่างๆ ได้มากกว่า 10 คำ และจะทำตามคำบอกง่ายๆ ได้หลายอย่าง ช่วงนี้คุณจะสามารถเริ่มสอดแทรกคำว่า ค่ะ / ครับ หรือทำโทนเสียงที่สุภาพให้เขาเข้าใจได้ในเวลาพูดกับเขา

ในช่วงนี้ลูกจะนอนน้อยลงในเวลากลางวัน เด็กบางคนจะนอนตอนสายและตื่นมาทานมื้อกลางวัน ซึ่งทำให้เขาง่วงนอนงอแงเมื่อถึงตอนเย็น คุณจะสามารถเริ่มฝึกให้เขาไม่นอนตอนสาย แต่เลื่อนมาเป็นนอนตอนบ่ายหลังมื้อเที่ยงแทน ซึ่งจะทำให้เขาไม่งอแงนักในตอนเย็น และสามารถเข้านอนตอนหัวค่ำได้ และหลับได้นานตอนกลางคืน

บทบาทของคุณพ่อและคุณแม่ที่ช่วยกันในการเลี้ยงดูและเล่นกับเขานั้น มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกัน เพราะเป็นการส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้มากขึ้น และมีความหลากหลายในแนวทางความคิด และการกระทำ ฯลฯ ทำให้เขาพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอกรอบตัวเขามากขึ้น ช่วงนี้ลูกยังต้องการการโอบกอด การหอมแก้มและการอยู่ใกล้คุณ เล่นกับคุณ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้เขาติดคุณและเสียนิสัย หรือจะเป็นการเอาใจจนเคยตัว เพราะเด็กจะได้อยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเอาใจใส่ที่คุณพ่อคุณแม่ให้กับเขา