โฆษณา

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

อาหารเสริมที่โฆษณาในทีวี

เด็กๆ วัยเตาะแตะบางคนดูภายนอกเหมื่อว่ามีพัฒนาการปกติดี แต่เมื่อเจาะลึกเรื่องอาหารการกินแล้ว บางคนไม่ยอมกินข้าว เนื้อสัตว์ หรือไข่เลย ชอบกินแต่ขนมปังและผลไม้ ทั้งๆ ที่ในช่วงขวบปีแรกก็เคยสามารถกินได้ดี ส่วนนมสามารถกินได้ดีไม่มีปัญหา เราจะช่วยลูกเรื่องการกินได้อย่างไรดี

เข้าใจดีในช่วงวัยเตาะแตะจะมีบางช่วงของการเติบโตเริ่มเบื่ออาหาร น้ำหนักไม่ขึ้น หรือบางช่วงวัยก็อาจจะเดินเก่ง วิ่งเก่ง ใช้พลังงานมาก กินไปไม่เหลือเก็บ ทำให้น้ำหนักจึงไม่ขึ้นแต่ส่วนสูงขึ้น ดังนั้นการปฏิเสธอาหารและเลือกอาหารเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้ เพราะว่าเขาต้องการแสดงความเป็นตัวของเขาเอง แต่ถ้ากินแต่ขนมปังและผลไม้ กินข้าวกินกับนานไปอาจกระทบต่อการเติบโตได้ ถ้าอยากให้ลูกกินต้องสร้างพฤติกรรมการกินใหม่

1. เริ่มด้วยไม่ให้กินนมจากขวดตอนกลางวัน ฝึกให้กินจากถ้วย และไม่ให้กินนมหลังมื้อเที่ยงคืน ถ้าร้องกินให้กินแต่น้ำเปล่า งดน้ำที่มีสารรสหวาน

2. ให้เด็กเลือกเมนูอาหารเองถ้าเป็นไปได้ อาจจะทำเมนูอาหารมีภาพสีสันสวยงาม ลองหามาเปิดให้ลูกเลือกดู

3. เตรียมอาหารนิ่มหรือหยาบ พอกลืนได้ไม่ติดคอใส่จาน แต่งสีสันให้น่ากิน ใช้ผักแต่งทำให้มีรูปร่างที่เด็กสามารถปรับเปลี่ยนตามจินตนาการของเขาได้ เช่น รถไฟ หน้าคน ดวงอาทิตย์

4. เก็บของเล่น ปิดโทรทัศน์ สิ่งรบกวนที่สามารถเบี่ยงแบนความสนใจเสีย

5. ล้างมือให้สะอาด ให้ลูกนั่งโต๊ะอาหาร วางอาหารตรงหน้า ให้เขาตักหรือหยิบกินเอง เขาจะกิน จะเล่น ทำเลอะเทอะก็ต้องยอม ให้เวลา 30 นาที ถ้ากินได้น้อยช่วยป้อนให้หน่อย ถ้าไม่ยอมกินให้เลิก เก็บอาหารเสีย และระหว่างมื้ออาหารให้กินน้ำ เขาจะได้หิวจนกินอาหารมื้อต่อไปได้

6. สร้างบรรยากาศในแต่ละมื้ออาหารให้อบอุ่น สนุก แต่อย่าให้หัวเราะมากอาจสำลักอาหารได้

7. เด็กบางคนถ้าได้กินอาหารกับเด็กในวัยเดียวกัน อาจกินอาหารได้มากกว่ากินคนเดียว

ส่วนนมที่เสริมให้นั้น Pediasure เป็นสูตรนมที่มีกำลังงานเข้มข้นกว่านมปกติ รสหวาน ถ้าลูกกินได้น้อย สามารถให้กินเสริมมื้อก่อนนอนวันละ 2 มื้อได้ ส่วน Nutren Junior เป็นสูตรนมที่โปรตีนได้ถูกย่อยมาแล้วมีน้ำตาลเหมือนนมเด็กทั่วไป กินแล้วดูดซึมได้เลยไม่ต้องย่อย นมชนิดหลังให้กินแทนนมปกติได้ทุกมื้อ เหมาะสำหรับเด็กที่กินน้อย กินแล้วย่อยและดูดซึมได้ไม่ดี อย่างไรก็ดีเด็กวัยนี้ควรให้อาหารเด็กครบ 5 หมู่เป็นอาหารหลักและนมเป็นอาหารเสริมมากกว่า

โดย : ดร.วันดี วราวิทย์