โฆษณา

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ระวัง..ภาวะตกเลือดหลังคลอด

ภาวะเสี่ยงในหญิงตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ควรระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ และในหญิงตั้งครรภ์หลังจากที่คลอดลูกแล้วนั้น มีไม่น้อยที่ต้องเสี่ยงกับอาการตกเลือดหลังคลอด โดยการตกเลือดหลังคลอดในหญิงที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ยิ่งในกรณีที่มีการผิดปกติทำให้เสียเลือดมาก อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตกเลือดหลังคลอดได้เช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดการตกเลือด เช่น การมีบาดแผลที่มดลูก หรือช่องทางคลอด เช่น การฉีกขาดของกล้ามเนื้อมดลูก การฉีกขาดของปากมดลูกและช่องคลอด หรือการตกค้างของเนื้อรกในโพรงมดลูก ซึ่งสาเหตุหลังนี้อาจจะทำให้มีการตกเลือดล่าช้าคือ หลังคลอดไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุของการตกเลือดนั่นก็คือ การใช้ยาแอสไพริน หรือยาบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
อาการแสดงของภาวะตกเลือดหลังคลอด

การตกเลือดหลังคลอดจะมีลักษณะเลือดออกมาในปริมาณที่มากในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด การสังเกตดูคือเลือดจะออกมาจนชุ่มผ้าอนามัยในเวลา 1 ชั่วโมงหรือน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง หรือมีเลือดสีแดงออกมาภายหลังการคลอดลูก 4-5 วัน นอกจากนี้ปริมาณเลือดสีแดงสดจะออกมากขึ้น แทนที่จะลดน้อยลงในสัปดาห์แรกหลังการคลอดลูก และอาจมีก้อนเลือดออกเป็นลิ่มเลือดขนาดใหญ่ในระยะ 2-3 วันแรกหลังการคลอด ทั้งนี้ขึ้นอยู่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลือดออก

การรักษาแพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุของการเกิดการตกเลือด เช่น ในกรณีที่มีการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี การกระตุ้นมดลูกให้หดรัดตัวด้วยการคลึงมดลูกเบาๆ และให้ยากระตุ้น (เช่น ยาออกซิโทซิน ยากลุ่มเออร์โกเมทริน หรือพรอสตาแกลนดิน) ยากลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งอาการได้ และในกรณีที่เลียเลือดจากการฉีกขาด แพทย์จะตรวจหาแผลฉีกขาดและเย็บซ่อมแซมให้โดยเร็ว ซึ่งในหญิงคลอดลูกบางรายที่มีการเสียเลือดมากจำเป็นต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือด และให้เลือดตามแต่กรณีไป

ภาวะติดเชื้อหลังคลอด

เป็นภาวะติดเชื้อที่เกิดจากการคลอด การติดเชื้อในระยะหลังคลอดที่พบได้คือ การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมักเกิดจากบริเวณรอยแผลที่รกฝังตัว และอีกกรณีหนึ่งคือ หญิงคลอดลูกที่มีการผ่าตัดคลอดเนื่องจากมีการแตกของถุงน้ำคร่ำก่อนเวลา และมีระยะการคลอดที่ยาวนาน นอกจากนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อในภาวะฉีกขาดของแผลฝีเย็บหรือทางช่องคลอด
อาการแสดงของภาวะติดเชื้อหลังคลอด

หญิงคลอดลูกที่มีภาวะของการติเชื้อหลังคลอดลูกจะมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก มีไข้ต่ำๆ ปวดถ่วงตรงบริเวณท้องน้อย และน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ในหญิงคลอดลูกบางรายอาจมีการติดเชื้อของแผล ทำให้มีการปวดบวม กดเจ็บบริเวณรอบๆ แผล ปัสสาวะแสบขัด ในกรณีที่มีการติดเชื้อเข้าสู่ระบบเลือด จะมีไข้สูงเกิน 38 องศา หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หากคุณแม่หลังคลอดมีอาการไข้ที่ขึ้นสูงมากจนผิดปกติ อาจจะรีบให้แพทย์ตรวจเพื่อหาสาเหตุโดยด่วน การรักษาเมื่อมีอาการติดเชื้อหลังคลอด แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทันทีที่มีการติดเชื้อ การตรวจเพาะเชื้อเพื่อดูชนิดของแบคทีเรีย และยาที่สามารถทำลายเชื้ออย่างเฉพาะจะช่วยให้การรักษาได้ผลเร็วขึ้น

Good-to-Know

แท้งค้าง หรือ Missed Abortion เป็นภาวะที่เด็กทารกเสียชีวิตแล้วทั้งที่อยู่ในโพรงมดลูกมากกว่า 4-8 สัปดาห์ อันตรายของการแท้งค้าง ทารกที่ตายค้างอยู่ในมดลูก อาจมีส่วนของเนื้อเยื่อที่เน่าเปื่อยหลุดเข้าไปในกระแสเลือดของคุณแม่ ไปกระตุ้นให้ระบบการแข็งตัวของเลือดคุณแม่เสียไป ทำให้คุณแม่มีเลือดออกในหลายส่วนของร่างกาย เช่น เลือดออกตามไรฟัน ใต้ผิวหนัง และในอวัยวะส่วนต่างๆ การแท้งค้างหากดูแลรักษาไม่ทันและไม่ดีพอ คุณแม่อาจเสียชีวิตลงได้