โฆษณา

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำไมถึงแท้งลูก

ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะวิตกกังวลถึงความปลอดภัยของเด็กทารกในครรภ์รวมถึงกลัวว่าจะเกิดการแท้ง ซึ่งบ่อยครั้งการกังวลในเรื่องเหล่านี้จะทำให้เกิดความเครียดโดยไม่จำเป็น ซึ่งอัตราการแท้งลูกจะพบเพียงร้อยละ 10 ของการตั้งครรภ์เท่านั้น ซึ่งสาเหตุของการแท้งนั้นมีมากมาย แต่ทั้งหมดนั้นเราสามารถควบคุมและป้องกันการแท้งได้ค่ะ


ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแท้งลูกได้แก่
เคยมีประวัติการใส่ห่วงอนามัยที่มีภาวะแทรกซ้อน
เคยแท้งลูกมาแล้วหลายครั้ง
มีความผิดหวัง เศร้าโศก อย่างรุนแรงจากปัญหาการงาน หรือชีวิตส่วนตัว
ได้รับอุบัติเหตุโดยตรงและได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง
ทำงานหนัก การยกของหนัก หรือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก รวมถึงการอุ้มเด็กก็อาจจะส่งผลได้เช่นกัน
มีเพศสัมพันธ์ในช่วงตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีประวัติเคยแท้งบ่อย
อาการที่บ่งบอกว่าเกิดภาวะการแท้งลูก
มีอาการปวดท้องน้อย มีเลือดสดออกทางช่องคลอด ไม่ว่าเลือดจะออกมาหรือน้อยเพียงใดก้ตาม ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปวดติดต่อกันหลาวัน
มีเลือดออกทางช่องคลอดเหมือนมีประจำเดือน หรือมีเลือดออกเล็กน้อยติดต่อกันนานเกิน 3 วัน
มีสิ่งขับออกทางช่องคลอดเป็นก้อนเลือด หรือชิ้นเนื้อสีชมพู แสดงว่าเริ่มมีอาการแท้งลูก ควรเก็บชิ้นส่วนนั้นแล้วรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะบางครั้งชิ้นส่วนนั้นอาจเป็นตัวอ่อนที่ถูกขับออกมาก็ได้
การดูแลและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการแท้งลูก
หากมีประวัติหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการแท้งลูก ควรบอกกับคุณหมอตั้งแต่เริ่มฝากครรภ์ เพื่อให้คุณหมอช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
พยายามอย่าเครียด หรือหาวิธีคลายเครียดอย่างเหมาะสม อาจจะใช้การฟังเพลง, การนวดเพื่อผ่อนคลาย รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
หากต้องเจอกับปัญหาต่างๆ ทั้งจากที่ทำงาน หรือจากที่บ้าน ควรที่จะหาเวลาพักผ่อน หรือผ่อนคลายให้มาก โดยอาจจะพักการคิดถึงปัญหาเหล่านั้นก่อน หลังจากหายเครียดแล้วค่อยมาจัดการกับปัญหาใหม่ หรืออาจจะใช้การปรึกษากับคนใกล้ชิด เพื่อขอคำแนะนำหรือคอยช่วยแก้ปัญหาก็ได้
กินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วน เพื่อให้มีพละกำลังและได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของทารก
หลบปัญหาเป็นครั้งคราว อย่าจมปลักอยู่กับปัญหา อาจมีการระบายความเครียดด้วยการพูดคุยกับเพื่อนหรือสามีถึงปัญหาต่างๆ ก็จะช่วยให้ระบายและลดความเครียด รวมถึงอาจจะช่วยกันแก้ไขปัญหาได้อีกด้วย
ไม่ควรอุ้มเด็กขณะตั้งครรภ์ เพราะนอกจากเป็นอันตายต่อเด็กในครรภ์แล้ว ยังมีผลต่อกระดูกสันหลังของคุณแม่ด้วย
ไปตามตารางนัดของคุณหมออย่างเคร่งครัด

อยากตั้งครรภ์แล้วแต่กินยาคุมกำเนิดมานานต้องเตรียมตัวอย่างไร

สำหรับผู้ที่เคยกินยาคุมกำเนิดมานาน เมื่อถึงเวลาที่พร้อมที่จะตั้งครรภ์นั้น หลายคนอาจจะส่งสัยว่า หลังจากหยุดกินยาคุมแล้ว สามารถปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้เลยหรือไม่ แล้วกินยาคุมมานานจะมีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ไหม หรือกินยาคุมมานานจะมีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ


ปล่อยให้ตั้งครรภ์หลังจากหยุดกินยาคุมกำเนิดได้หรือไม่
หลังจากที่คุณหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้วยังไม่แนะนำให้ปล่อยให้ตั้งครรภ์ทันที ควรจะปล่อยให้ผ่านไปสัก 3 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ระหว่าง 3 เดือนนี้ก็ควรจะคุมกำเนิดด้วยวิธีการอื่นๆ แทน ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนแรก คุณอาจจะไม่มีประจำเดือนก็ไม่ต้องตกใจนะค่ะเพราะคุณไม่ได้ตั้งครรภ์หรอกค่ะ เพียงแต่หลังจากหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว ประจำเดือนอาจจะมาล่าช้ากว่าเดิม เมื่อประจำเดือนเริ่มมาเป็นปกติ (ประจำเดือนเริ่มมาเป็นปกติ 3 เดือนขึ้นไป) ค่อยปล่อยให้ตั้งครรภ์ตามธรรมชาติค่ะ ระหว่างนี้ก็คงต้องให้ว่าที่คุณพ่อมือใหม่คุมกำเนิดตัวเองไปก่อน (แนะนำว่าให้ใช้ถุงยางอนามัยไปก่อนช่วงนี้)

กินยาคุมกำเนิดมานานๆ จะตั้งครรภ์ยากจริงไหม
ถ้าเป็นการกินยาคุมกำเนิดสมัยก่อน หากกินนานๆ จะมีผลทำให้ผนังมดลูกบาง ทำให้การตั้งครรภ์ (การฝังตัวอ่อน) เป็นไปได้ยาก อันนี้จริงค่ะ แต่ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ปัญหาแบบนี้ไม่เป็นแล้วค่ะ แต่หากคุณใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย อันนี้มีผลต่อการตั้งครรภ์จริงค่ะ ดังนั้นหากคุณกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา (21 หรือ 28 เม็ด) มานาน ก็ไม่ต้องกังวลไปนะค่ะว่าจะตั้งครรภ์ยาก

กินยาคุมกำเนิดมานานๆ จะมีผลต่อทารกในครรภ์ไหม
อันนี้เป็นอีกคำถามที่อยู่ในหัวของว่าที่คุณแม่มือใหม่ทุกคน และคงจะกังวลมากๆ เวลาที่จะเริ่มปล่อยให้ตั้งครรภ์ ความจริงแล้วการกินยาคุมกำเนิดนั้น หากเราหยุดกิน (หลังจากกินหมดแผงอย่างถูกต้อง) แล้วปล่อยระยะไว้ 3 เดือนขึ้นไป รอให้ประจำเดือนมาปรกติตามรอบเดือน แค่นี้ร่างกายของคุณก็พร้อมที่จะตั้งครรภ์แล้วค่ะ

ต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อพร้อมจะตั้งครรภ์
อย่างที่บอกไปค่ะ หลังจากหยุดกินยาคุมแล้ว เมื่อพร้อมจะตั้งครรภ์ ให้ปล่อยให้ประจำเดือนมาก่อนสัก 3 เดือน จากนั้นค่อยให้ตั้งครรภ์ ส่วนเรื่องการเตรียมตัวก็เหมือนคนทั่วๆ ไปค่ะ คือ การออกกำลังกายให้พอเหมาะ นอนหลับพักผ่อนให้มาก กินอาหารให้ครบ ดื่มน้ำให้มาก และอย่าเครียด ที่เหลือก็อาจจะใช้เครื่องมือเข้าช่วย เช่น ชุดทดสอบวันตกไข่ (ทดสอบจากน้ำปัสสาวะ) หรือถ้าไม่อยากกังวลหรือเครียดขนาดนั้น ก็บอกว่าที่คุณพ่อให้ส่งการบ้านบ่อยๆ ก็ได้นะค่ะ

สรุปแล้ว ความเชื่อที่ว่ากินยาคุมกำเนิดมานานๆ จะตั้งครรภ์ยากนั้น ไม่ถูกต้องทีเดียวค่ะ ถ้าคุณกินยาคุมกำเนิดแบบปกติ ก็แค่หยุดรอให้ประจำเดือนมา 3 เดือนขึ้นไปแล้วค่อยปล่อยตามธรรมชาติ ส่วนความเชื่อที่ว่ากินยาคุมกำเนิดมานานๆ แล้วทารกในครรภ์จะพิการ สมองไม่ดี ฯลฯ อันนี้ก็ไม่เป็นความจริง ดังนั้นสบายใจได้ค่ะ